To The Eldritch Truth
23 March 2019
นานมาแล้ว... มีเอลดริช ธิง สิ่งมีชีวิตอันเก่าแก่และทรงพลังอาศัยอยู่ในทะเลแห่งความมืด หรือที่รู้จักกันว่า "อวกาศ" เอลดริช ธิงแต่ละตนนั้นมีโครงสร้าง รูปร่าง และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่พวกมันเหมือนกันอย่างแน่ชัดก็คือ พวกมันอยู่กฎเกณฑ์ของฟิสิกส์ที่พวกเราเข้าใจ ต่อมา เอลดริช ธิงได้อพยพมาตั้งรกรากในดาวเคราะห์แห่งหนึ่ง และได้สร้างพิลลาร์ วัน สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ทรงพลังกว่า พิลลาร์ วัน หรือมนุษย์เสาหินถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นข้ารับใช้ผู้สร้างของพวกเขา เอลดริช ธิงและข้ารับใช้ได้ร่วมกันสร้างอารยธรรมและวิทยาการต่างๆบนดาวเคราะห์ดวงนี้ และวิทยาการเหล่านี้เองได้กลายเป็นรากฐานของอารยธรรมอียิปต์โบราณ แต่วันหนึ่ง มนุษย์เสาหินได้ทรยศเจ้านายและก่อสงครามเพื่อปลดแอกตัวเองจากเอลดริช ธิง เหล่าเสาหินได้สังหารเอลดริชทุกตัวในดาวเคราะห์แห่งนี้และตั้งตนเป็นเจ้าผู้ปกครองดาวเคราะห์ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเอลดริช ธิงนั้นยิ่งใหญ่และสูงส่งกว่าตนมาก พวกมันมิอาจตายได้ เมื่อใดที่ถูกฆ่า จิตวิญญาณของเอลดริชจะทิ้งกายเนื้อและจุติไปยังภพภูมิที่สูงส่งกว่า ก่อนพวกมันจะจุติ พวกมันได้สาปแช่งข้ารับใช้ที่ก่อกบฏว่าอารยธรรมของมนุษย์เสาหินจะต้องล่มสลายและทุกสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นจะสูญหายและถูกลืม หลังจากนั้นไม่นาน อารยธรรมมนุษย์เสาหินก็ได้ล่มสลายลงตามคำสาปของเอลดริช ธิง
ในที่สุดก็มาถึงยุคของมนุษย์ สมาคมแอตลาส องค์กรวิจัยและพัฒนาที่สืบทอดมาจากกลุ่มนักศึกษาในสมัยโรมันโบราณถูกก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นศูนย์รวมของนักวิชาการจากทั่วโลกเพื่อรวบรวม ศึกษา และวิจัยสิ่งต่างๆ นักศึกษาและนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อเปลี่ยนโลกไปด้วยกัน และประเด็นที่สำคัญที่สุดขององค์กรก็คือมนุษย์ซึ่งอยู่ในขอบเขตของวิชาชีววิทยา มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารและฉลาดปราดเปรื่องที่สุด สิ่งที่นักวิชาการสงสัยมากที่สุดคือจุดกำเนิดและขีดจำกัดของมนุษย์ และข้อสงสัยนี้เองได้ทำให้สมาคมแอตลาสได้ค้นพบนวัตกรรมของพระเจ้า แอตลาสได้นำวัตถุโบราณของทวยเทพมาศึกษาและวิจัยเพื่อนำมาต่อยอดเป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ การวิจัยเหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้สมาคมค้นพบคำตอบใดๆเลย กลับกันสมาคมคิดจะใช้สิ่งประดิษฐ์ของพระเจ้าทำกำไรมหาศาลและใช้อำนาจเงินตรายึดครองโลก จากองค์กรวิชาการเพื่อมวลมนุษย์ได้กลายเป็นบรรษัทวิจัยและพัฒนาข้ามชาติ สมาคมเริ่มแบ่งฝักฝ่ายระหว่างฝ่ายมนุษย์นิยมกับทุนนิยม ระหว่างความขัดแย้งในองค์กรได้มีนักธุรกิจชาวอเมริกันคนหนึ่งฉวยโอกาสขโมยและกอบโกยสิ่งประดิษฐ์และวัตถุโบราณทั้งหมดไปเป็นของตนเพื่อตั้งตนเป็นเผด็จการทุนสามานย์ผู้ปกครองครองโลกแทนนักวิชาการแอตลาส แต่เพราะความไม่รู้ของมาเฟียที่นายทุนจ้างมา จึงทำให้มนุษย์เสาหินที่ถูกเก็บรักษาในอาคารของแอตลาสตื่นจากการหลับไหลนับหมื่นปี กลืนกินทุกคนที่มันเห็น กรีฟิธ เมอร์โรเวย์ สมาชิกคนเดียวที่เหลือรอดจึงหนีไปอยู่เยอรมนี ทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิคและได้พบกับบุคคลที่จะพาเขาไปสู่จุดสูงสุดของอำนาจ